NEKOPOST |
การแสดงผล |
มันหมายความว่ายังไงกัน?
ที่ว่ามนุษย์บูชาผม—— เทพแห่งความมืดเอ็นโทรปีอยู่น่ะ!?
ผมไม่เห็นรู้เรื่องแบบนั้นเลย การที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกบูชาน่ะ มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
“คุณคาเรนคะ ได้โปรดอธิบายรายละเอียดด้วยค่ะ” (โยริชิโระ)
คุณคาเรนถูกโยริชิโระรบเร้า เธอจึงพูดต่อ
“เมืองหลวงแห่งความมืดอบิส...... เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่ามนุษย์ที่บูชาเทพแห่งความมืดเอ็นโทรปีค่ะ ฉันก็ไม่ได้พบคำอธิบายในหนังสือประวัติศาสตร์หรือหนังสือธรณีวิทยาที่ชัดเจนหรอกนะคะ แต่ชื่อนั้นมาจากการรวมบทกวีของผู้คนในสมัยก่อนค่ะ” (คาเรน)
คุณคาเรนเปิดสมุดโน๊ตที่พูดถึงเมื่อครู่ มันปรากฏข้อความทั้งหมดของบทกวีที่ดูเหมือนว่าเธอจะคัดลอกไว้
บทกวีนั่นน่ะ กล่าวโดยสรุปก็คือ ผู้คนชั่วร้ายที่สรรเสริญเทพแห่งความมืด ได้ถูกทำลายไปพร้อมกับเมืองนั้น นั่นคือเนื้อหา
บทกวีประเภทนี้ บรรยายโดยแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการพ่ายแพ้ของความชั่วร้าย และชัยชนะของคุณงามความดีอย่างชัดเจน แต่ถ้าจะให้พูดออกมาล่ะก็ มันคือบทกวีกากๆ ที่ไร้ซึ่งศิลปะดีๆ นี่ล่ะ มันอยู่ในระดับที่ถูกกลบอยู่ในซอกของคลังหนังสือก็สมเหตุสมผลแล้ว
“บทกวีงั้นเหรอ....... หากเทียบกับหนังสือประวัติศาสตร์ล่ะก็ ความน่าเชื่อถือมันต่ำกว่านะครับ” (ไฮเนะ)
“ใช่แล้วค่ะ ตราบใดที่ไม่มีสิ่งมาสนับสนุน ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันถูกเขียนขึ้นด้วยความเพ้อฝันของคุณผู้แต่งเอง ฉันก็เลยล้มเลิกไปค่ะ .....แล้วฉันก็ กลัวบทกวีนี้นิดหน่อยด้วยค่ะ” (คาเรน)
“กลัว?” (ไฮเนะ)
“ก็บทกวีนี้ เขียนเหมือนกับว่าท่านเทพแห่งความมืดเป็นเทพผู้ชั่วร้ายที่ล่อลวงมนุษย์น่ะค่ะ ถ้าท่านเอ็นโทรปี เป็นเทพผู้ชั่วร้ายอย่างนั้นจริงๆ ล่ะก็ ......ฉันไม่ชอบมันมากๆ เลยค่ะ” (คาเรน)
คุณคาเรนพูดด้วยใบหน้าที่ดูโศกเศร้าจากหัวใจ
มันยากที่ผมจะพูดออกไป ผมที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงไม่สามารถตัดสินได้ว่า เอ็นโทรปีเป็นเทพที่ดีจริงๆ หรือว่าเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันแน่ ผมจำไม่ได้เลยว่าไปทำอะไรกับผู้แต่งบทกวีนี้ และผู้คนของเมืองแห่งความมืดที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวไว้
ผมไม่ควรจะทำอะไรได้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าผมถูกปิดผนึกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
เนื้อหาของบทกวีนั้น คำนามเฉพาะที่ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนมีแค่ชื่อเมืองอบิสเท่านั้น ผมไม่เห็นจุดที่จะเรียกชื่อของเทพแห่งความมืดเอ็นโทรปีเลยแม้แต่แห่งเดียว
‘ผู้ปกครองแห่งความมืด’ หรือ ‘อวตารอันชั่วร้าย’ นั่นเป็นแค่การอุปโลกขึ้นมาแบบลอยๆ เพื่อทำให้ใครบางคนเชื่อเท่านั้น
ยังไงๆ บทกวีนี้ก็เป็นการพรรณาที่ผู้แต่งเขียนขึ้นมาด้วยความเพ้อฝันและความคิดฟุ้งซ่านเท่านั้น แต่มันดันมาตรงกับลักษณะเฉพาะของผมโดยบังเอิญ การคิดว่าเป็นความบังเอิญมันธรรมชาติที่สุดแล้ว.......
“งั้น พวกเราก็ไปตรวจสอบกันเถอะค่ะ”
......ตอนที่ข้อสรุปกำลังจะออกมา ก็มีเพื่อนที่พูดเรื่องที่ไม่คาดคิด
“โยริชิโระ?”
“ท่านโยริชิโระ!?”
ผมคิดว่าเธอเงียบอยู่พักหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าเธอจะประกาศออกมาทันทีแบบนั้น
“ตรวจสอบ ที่ว่าน่ะ ที่ไหนล่ะคะ?” (คาเรน)
“ก็เมืองหลวงแห่งความมืดอบิสน่ะสิคะ คำถามทั้งหมดน่ะ ถ้าพวกเราไปที่นั่นก็จะทำให้เรื่องมากมายกระจ่างค่ะ” (โยริชิโระ)
“งั้นท่านโยริชิโระก็......!” (คาเรน)
แค่นั้นมันไม่สมเหตุสมผลพอที่จะทำให้คุณคาเรนเชื่อฟังได้หรอก
“เมืองอบิสน่ะ เป็นเมืองปริศนาที่พวกเราไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้มันมีอยู่จริงๆ รึเปล่านะคะ! ถ้ามีอยู่จริง ตอนนี้มันก็คงจะเป็นซากปรักหักพังเพราะถูกทำลายตามที่ถูกเขียนไว้ในบทกวี อันดับแรกพวกเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนค่ะ! แล้วมันไม่มีเบาะแสให้ค้นหาด้วยค่ะ......!” (คาเรน)
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ......” (โยริชิโระ)
โยริชิโระหยิบของออกมาจากถุงเล็กๆ ที่เธอพกมาด้วย นั่นก็คือเข็มทิศอันเล็กๆ—— มันเป็นสิ่งที่เหมือนกับเข็มทิศ
“นี่คือหนึ่งในสมบัติลับที่ผู้ก่อตั้งของศาสนจักรแห่งแสงสว่างได้รับสืบทอดต่อกันมา ‘เข็มแห่งการชี้นำ’ ค่ะ” (โยริชิโระ)
“‘เข็มแห่งการชี้นำ’!?” (คาเรน)
“เข็มอันนี้ ทำขึ้นมาด้วยวัตถุที่เหมือนกับดาบศักดิ์สิทธิ์นักบุญจอร์จที่มอบให้กับคุณค่ะ คุณคาเรน ถ้าบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงไว้ในเข็มอันนี้ แล้วนึกถึงสิ่งที่ต้องการค้นหา มันก็จะชี้ไปยังทิศทางที่สิ่งนั้นอยู่ค่ะ” (โยริชิโระ)
“สุดยอด! งั้น ถ้าบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์ไว้ในเข็มอันนี้ แล้วนึกภาพอบิสล่ะก็.......!?” (คาเรน)
หมายความว่าเข็มทิศอันนี้จะชี้ไปยังทิศทางที่อบิสอยู่งั้นเหรอ?
สุดยอด เป็นไอเท็มที่สะดวกเลยไม่ใช่เหรอ? สะดวกมากๆ เลยนะนั่น
“แต่ว่า ถ้าเป้าหมายที่ต้องการค้นหาอยู่ห่างไกลมากๆ และการนึกภาพเลือนลางล่ะก็ เข็มก็จะแสดงจุดหมายปลายทางได้ไม่ดีนักค่ะ เพื่อทำการค้นหา พวกเราต้องบรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงให้มากๆ ค่ะ ถ้าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนในโลก หรือการค้นหาเมืองที่ไม่เคยเห็น คุณคาเรนคะ ต่อให้บรรจุพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของคุณมันก็คงไม่พอหรอกค่ะ” (โยริชิโระ)
“อะ......” (คาเรน)
ในโลกน่ะ มันไม่ได้ราบรื่นและรวดเร็วอย่างนั้นหรอก
เส้นทางที่อุตส่าห์เปิดออกมาได้ถูกปิดทันที ใบหน้าของคุณคาเรนจึงมืดมัว
“ดังนั้น ดิฉันจะไปด้วยค่ะ” (โยริชิโระ)
“ท่านโยริชิโระ!?” (คาเรน)
“ถ้าคุณกับดิฉัน รวมพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงของทั้งสองคนก็คงเพียงพอที่จะครอบคลุมทั้งโลกค่ะ คุณคาเรนคะ เงื่อนไขในการยืมพลังศักดิ์สิทธิ์ของดิฉันกับสมบัติชิ้นนี้ คือการให้ดิฉันร่วมเดินทางไปค้นหาเมืองแห่งความมืดอบิสด้วยกัน ได้รึเปล่าคะ?” (โยริชิโระ)
“แน่นอนค่ะ! ขอบคุณมากค่ะ! ท่านโยริชิโระ ช่างใจดีอะไรอย่างนี้เนี่ย!” (คาเรน)
“อุฟุฟุ พวกเราคือพวกพ้องที่รักคุณไฮเนะเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ? การช่วยเหลือกันและกันเป็นเรื่องปกติค่ะ” (โยริชิโระ)
พวกเธอเรียกตัวเองว่าพวกพ้องที่รักผม, จับมือกันทั้งสองข้าง แล้วเหวี่ยงมันขึ้นลงดังควับๆ
ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ นั่นหมายความว่าทั้งฮีโร่และผู้ก่อตั้งออกจากกองบัญชาการของศาสนจักรแห่งแสงสว่างไม่ใช่เหร......?
“ดูเหมือนคุณจะมีเรื่องกังวลนะคะ คุณไฮเนะ?” (โยริชิโระ)
“อย่าอ่านใจผมสิ” (ไฮเนะ)
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ดิฉันคอยทำงานที่คั่งค้างอยู่อย่างเอาจริงเอาจังให้เป็นศูนย์ก็เพื่อเวลาแบบนี้ค่ะ แล้วในระหว่างที่ดิฉันไม่อยู่ ถ้าให้พระคาร์ดินัลทำงานแบบเอาเป็นเอาตายมันก็คงไม่มีปัญหาค่ะ” (โยริชิโระ)
“อย่าสังเวยพลังชีวิตของคนอื่นสิ!” (ไฮเนะ)
“คนพวกนั้นปกติก็ไม่ทำงานทำการกันอยู่แล้วค่ะ ได้จังหวะพอดีเลยล่ะค่ะ” (โยริชิโระ)
โยริชิโระด้านมืดปรากฏออกมาชั่วครู่
“ฝั่งฉันก็ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ เหมือนกับตอนที่พวกเราไปไฮดร้าวิลเลจ ถ้ามีเครื่องจักรที่บินไปในท้องฟ้าคันจิ๋วฉันก็จะรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ค่ะ! เท่านี้ก็ตัดสินแล้วนะคะ ไปกันเถอะค่ะคุณไฮเนะ!” (คาเรน)
“เอ๋?” (ไฮเนะ)
“เอ๋?” (คาเรน)
ผมมองคุณคาเรนด้วยสีหน้างุนงง และคุณคาเรนก็มองกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงสุดๆ
..............................................ไม่สิ อื้อ ผมรู้อยู่แล้วล่ะ
ผมต้องไปกับพวกเธอ เพราะว่าผมคือผู้ช่วยฮีโร่
แล้วในฐานะของเทพแห่งความมืดผู้มาจุติ เหตุการณ์นี้มันก็ดูน่าสงสัย ทั้งๆ ที่ผมจำไม่ได้เลยว่าตัวเองถูกบูชา มันก็ยังมีเมืองที่บูชาความมืดอยู่ ถ้าที่นั่นมันมีอยู่จริงล่ะก็ ผมก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวตนที่แท้จริงนั่นคืออะไร
และเหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือ ผมไม่สามารถปล่อยให้สองคนนี้ที่มีค่าความปรารถนาดีต่อผมซึ่งพุ่งขึ้นไปจนมีค่าตัวเลขผิดปกติร่วมมือกันได้หรอก!
◆◆◆◆◆