NEKOPOST |
การแสดงผล |
ปีกของเพกาซัสนั้นไม่ได้กระพือเพื่อให้มันบินได้เฉกเช่นนกที่โบยบินบนฟ้า
ด้วยหลักทางฟิสิกส์แล้ว ปีกทั้งคู่ของมันก็ไม่ได้ใหญ่พอที่จะทำให้ร่างของพวกมันปินขึ้นได้แตกแรกแล้วด้วย
แต่ในต่างโลกนี้ เพกาซัสที่ขัดต่อหลักการทางฟิสิกส์นั้น พวกมันสามารถแบกมนุษย์และโบยบินไปบนฟ้าได้อย่างน่าอัศจรรย์
ถ้าหากจะให้อธิบายถึงหลักการที่พวกมันสามารถทำแบบนั้นได้แล้วละก็ มันก็คงเพราะการคงอยู่ของเวทมนต์ที่มีในโลกใบนี้ ปีกของพวกมันที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังเวท มันคงจะช่วยให้พวกมันพาร่างอันใหญ่โตของมันบินขึ้นไปบนฟ้าได้
เหล่าอัศวินเพกาซัสได้ร่ายเวท [เพิ่มความเร็ว] ลงไปที่ปีกของมันกัน
เอสเทล : “يعمل من خلال سرعة القدم لتشغيل أسرع ― [เพิ่มความเร็วขั้นสูง-สปีด-ไฮชาร์ต (速度大強化・スピード・ハイブースト)] ”
ในขณะที่แนวหน้าและเอสเทลร่ายเวทมนต์ออกไป เพกาซัสที่พวกเธอขี่อยู่ต่างก็บินไปด้วยความเร้วที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
แม้ว่าจะบินกันอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แต่พวกเธอก็ยังคงอยู่ในรูปขบวนรบได้อยู่ นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพและความสามารถของพวกเธอได้เป็นอย่างดี
พวกเธอดูราวกับฝูงดาวตกที่โบยบินอยู่ในท้องนภานี้ โดยมีลิลี่เป็นเสมือนดาวที่ส่องสว่างลอยอยู่บนนั้น
เอสเทล : “การโจมตีสายฟ้าม่วง-ไลท์-ชาร์ท (紫電突撃・ライン・チャージ)”
เอสเทลใช้ทักษะโจมตีเข้าใส่ร่างที่ส่องแสงของลิลี่ที่อยู่ภายในเกราะแฟรี่・โอราเคิลชีล
การโจมตีนั้น ถ้าหากเป็นมนุษย์ธรรมดา ครึ่งร่างบนของเขาก็คงจะไม่เหลืออยู่บนโลกนี้ไปแล้ว
ทวนยักษ์ที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้านั้นกำลังพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย
แสงทั้งสองของเอสเทลและลิลี่ได้เข้าปะทะกัน เสียงและแสงได้กระจายดั่งก้องไปทั่วท้องฟ้า
หลังจากทุกสิ่งสงบลง เอสเทลก็ใช้ความเร้วที่เหนือชั้นกว่าร่นระยะห่างออกมาจากลิลี่ทันที
เธอเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจกับผลลัพฑ์ของการโจมตี
เอสเทล : “แข็งเป็นบ้า ยัยบ้านี่ !”
การโจมตีของเธอทำได้แค่หยุดอยู่ที่เกราะแสงของเธอเท่านั้น มันไม่อาจทะลวงไปถึงผิวขาว ๆ ที่อ่อนนุ่มของลิลี่ได้
แน่นอนว่าการโจมตีสายฟ้านั้นถูกหยุดเอาไว้ได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เหล่าลูกน้องของเธอต่างก็พร้อมใจกันใช้ทักษะเดียวกันพุ่งเข้าโจมตีลิลี่อย่างต่อเนื่อง
การโจมตีทั้งหมดนั้น มีเข้าปะทะกับเกราะของเธอแค่สามหรือสี่คนเท่านั้น ที่เหลือต่างถูกลิลี่หลบหลีกได้อย่างสบาย ๆ เอสเทลที่มองดูอยู่ก็รับรู้ได้ว่า ไม่ใช่เพียงพลังป้องกันเท่านั้น แต่ความสามารถในการหลบหลีกของเธอเองก็ใช่ย่อยเหมือนกัน
ด้วยพลังป้องกันและความสามารถในการหลบหลีกนั้น ทำให้วกเธอยากที่จะล้มเธอได้
หลังจากการโจมตีสิ้นสุดลง หนน่วยของเอสเทลก็กลับเข้าสู่ตำแหน่งประจันอยู่ตรงหน้าของลิลี่ตามเดิม ร่องรอยของบาดแผลที่เกิดขึ้นบนเกราะแสงของลิลี่นั้น ถูกสมานตัวกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
เอสเทล : “มีพลังฟื้นตัวแบบนั้นด้วย ? ยัยสัตว์ประหลาดเอ้ย--”
ขณะที่เธอกำลังสาปอยู่นั้น ลิลี่ก็ยิงลำแสงออกมาเข้าใส่พวกเธอ
เอสเทลที่เห้นแบบนั้น เธอก็เริ่มหลบการโจมตีนั้นทันที
เธอหลบหลีกลำแสงนั้นได้โดยมีเพียงรอยไหม้เล็ก ๆ ฝากเอาไว้เท่านั้น
ไม่ใช่มีเพียงเอสเทลที่เป็นเป้าหมายของการโจมตี หน่วยของเธอเองก็ถูกโจมตีเช่นกัน และมีเพียงเอสเทลเท่านั้นที่พอจะหลบทันได้
ถึงแม้เกราะของพวกเธอจะร่ายเวทเสริมพลังป้องกันเอาไว้ อีกทั้งยังตั้งการป้องกันทัน แต่พวกเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บสะสมอยู่ภายในร่างข้างใต้ชุดเกราะนั้นอยู่ดี
เอสเทล : “(เชี่ย เชี่ยแล้ว ! ยัยนั่นอันตรายเกินไป พวกเราทำอะไรเธอไม่ได้เลยในขณะที่ฝ่ายเราค่อย ๆ บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แทน)”
เอสเทลเริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาภายในใจของเธอ
ตอนนี้ก็ผ่านมาได้สามสิบนาทีแล้วที่ได้เริ่มต่อสู้มา ในช่วงเวลานั้นบางคนก็ล่าถอยกลับไปเพราะบาดเจ็บหนักส่วนที่อยู่ตรงนี้ก็เริ่มค่อย ๆ มีบาดแผลสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็ว ก็คงจะมีคนตายแน่นอน
… : “---อิไต้ต้ต้ต้ อ้ายยยยย !!”
เบื้องล่างของเธอ ได้มีเสียงกรีดร้องของพวกพ้องของเธอดังขึ้น
พอเธอมองลงไป ร่างหนึ่งของอัศวินเพกาซัสก็กำลังร่วงลงไปข้างล่างแล้ว
เอสเทล : “แย่แล้ว ! ใครก็ได้ ไปช่วยเธอที !!”
เนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไป เธอเลยออกคำสั่งไปแบบนั้น แต่ลิลี่ที่ไวกว่าใครในที่นี้ เธอก็กำลังเล็งไปยังร่างของสาวน้อยผู้อ่อนแอคนนั้นแล้ว
แม้ว่าพวกเธอจะมีจำนวนมากแค่ไหน ลิลี่ก็รู้อยู่ดีว่าใครในกลุ่มนั้นอ่อนแอที่สุด
ลิลี่ได้ยิงบอลแสงพุ่งออกไปยังร่างของอัศวินที่ไร้ซึ่งการป้องกันคนนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะช้ากว่าลำแสงเมื่อกี้ แต่การโจมตีนี้ก็สามารถติดตามเป้าหมายไปได้ทุกที่
บอลแสงห้าลูกได้โลดแล่นผ่านร่างของอัศวินคนนั้นไปมาราวกับกำลังเล่นร่างกายของเธออยู่
เสียงของเนื้อสดที่ถูกระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ได้จบลง เสียงกรีดร้องได้หยุดลงไปพร้อมกับร่างหนึ่งที่ตกลงไปยังพื้นโลกใบนี้
ลิลี่ได้ฆ่าพวกเธอเพิ่มไปอีกคนแล้ว โดยไม่รอช้าเธอก็เริ่มลงมือที่จะฆ่าคนต่อไปอีกทันที
เหตุผลที่ลิลี่เริ่มโจมตีอีกครั้งตอนนี้นั้น ก็เป็นเพราะหลังจากที่ทีมของเอสเทลเข้าจูโจมแล้วนั้น พวกเธอได้เลือกที่จะทิ้งระยะห่างออกไปนั่นเอง เลยทำให้เธอมีโอกาศที่จะร่ายเวทอีกครั้ง
ดังนั้นเพื่อที่จะหยุดยั้งการโจมตีของเธอ เวทโจมตีของอีกกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มต้นขึ้น
ห่าฝนของเวทมนตืที่พุ่งเป้าไปยังลิลี่จากหน่วยของฟรันและมาตี้ ทำให้ลิลี่ต้องหลบหลีกการโจมตีของพวกเธอแทน
เธอหลบหลีกได้อย่างสวยงาม มันเป็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดซึ่งเหล่าเพกาซัสที่มีร่างกายอันใหญ่โตกว่าไม่อาจจะเลียนแบบได้
เอสเทล : “(จะทำยังไงดี-- ถ้าหากจะต้องเสียสละใครสักคนทำหน้าที่อันตรายนั้น ก็คงต้องเป้นตอนนี้เท่านั้นแล้ว)”
สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับเธอคือความสามารถในการหลบหลีกของลิลี่
ถ้าจะให้เปรียบเพกาซัสเป็นนก ลิลี่ก็คือผึ้งนั่นเอง
ถ้าการโจมตีไม่อาจโดนเป้าหมายได้ มันก็ไร้ค่า และทั้งที่การหลบแบบนั้นได้คงต้องใช้พลังสมาธิสูงแน่นอน แต่ลิลี่ก็ยังไม่มีทีท่าจะเหนือยแต่อย่างใด
เอสเทล : “(ไม่มีทางที่จะหยุดเธอได้ เชี่ยเอ้ย ! หรือว่าฉันจะต้องจบลงเช่นเดียวกับรองกับตันอย่างงั้นหรือ ! แต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว --)”
แม้ว่าเธอจะพยายามคิดแค่ไหน แต่ก็ยังไม่อาจพคำตอบที่จะเอาชนะสถานการรืนี้ได้เลย
เอสเทล : “เชี่ย เชี่ย เชี่ย ! ไม่ทางหยุดยัยนั่นได้เลยหรือไง ! “
เธอตะโกนผ่านทางเทเลพาธีจนได้ยินกันทั่วถึง และเสียงตอบรับที่กลับมาก็มีแต่เพียงว่า
แคมมี่ : “พึ่งจะรู้สึกตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยหรือไง ?”
เอสเทล : “แล้วใครจะคิดกันละว่าพวกเราจะเหนื่อยขนาดนี้เพราะศตรูแค่คนเดียวแบบนั้นกันละ !?”
ฟรัน : “ก็จริงนะ ถึงจะน่าเสียใจ แต่มันก็จริงที่พวกเราเสียเปรียบได้ขนาดนี้นะ”
มาตี้ : “ถ้าทำอะไรได้ตอนนี้ก็ทำไปเลย ! เวทมนต์ของพวกเราคงต้องสะกิดเธอได้บ้างน่า !”
พวกเธอไม่มีใครคิดแผนการดี ๆ ได้สักคน
เอสเทล : “...ไม่มีทางเลือก ฉันจะไปหยุดยัยร่านแฟรี่ตรงนั้นเอง”
ฟรัน : “ยัยร่าน ? นั่นคือแฟรี่นะ แถมยังเป็นผู้หญิงที่งดงามมากด้วย !!!”
เอสเทล : “เธอคิดหรือว่าฉันจะสนเรื่องนั้น ? อย่าเอาน้ำมาดับไฟสิยะ !!”
แคธี : “เธอแน่ใจแล้วนะเอสเทล ? เธอคงไม่รอดแน่ถ้าเผลอไปถูกบาเรียแสงอันนั้นนะ เธอก็รู้นี่ ?”
เอสเทล : “มันไม่มีทางอื่นอีกแล้วนี่ อีกอย่าง ถ้าพวกเราถูกขวางเอาไว้แบบนี้ตลอดไป พวกเราก็จะช่วยสนับสนุนพวกที่อยู่ข้างล่างนั้นไม่ได้ แล้วแผนการทั้งหมดของพวกเราก็จะพังกันพอดี !”
เพราะตั้งแต่แรก ภารกิจที่พวกเธอได้รับมานั้นก็ไม่ใช่มาเพื่อล้มลิลี่อยู่แล้ว
ภารกิจหลักของพวกเธอคือ เข้าโจมตีและทำลายแนวป้องกันของศตรู แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้พวกทหารเลวบุกเข้าตี
เอสเทล : “ดูซะ พวกปีศาจมันออกมานั่วกันอยู่นอกประตูแล้ว ถ้าพวกเราลงไปสนับสนุนตอนนี้ แนวป้องกันของมันต้องแตกแน่นอน”
ในชั่วขณะหนึ่งเอสเทลได้จินตนาการว่าหากเป้นรองกับตันแล้วละก็ เธอคงทำแบบนั้น
และหลังจากที่สนทนากัน ฟรัยก็เป้นคนที่ตอบเธอกลับมา
ฟรัน : “งั้นฝากด้วยนะเอสเทล พวกเราจะช่วยร่ายเวทป้องกันให้กับเธอเอง จงรอดกลับมาซะนะ”
เอสเทล : “แน่นอน ใครบอกว่าฉันจะไปตายกันยะ ?”
แคธี : “เออ ไม่จริงน้า เอสเทล เธอจะทำจริง ๆ อย่างงั้นเรอะ ?!”
แคมมี่ : “มันอันตรายไปนะ !”
เอสเทล : “อะไร พึ่งจะเป้นห่วงฉันตอนนี้งั้นหรือ ?”
“”ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย !!””
สองพี่น้องแคมมี่และแคธี พวกเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เอสเทลคิดจากส่วนลึกของหัวใจของเธอ
เอสเทล : “ฟังนะ ฉันจะหยุดยัยร่านนั้นเอง แล้วพวกเธอก็พุ่งเข้าไปปิดฉากเธอเลย อย่าพลาดละ”
สองพี่น้องต่างตอบรับคำสั่งของเธอ
เอสเทล : “เอาละ งั้นฉันจะเริ่ม---”
ในตอนที่เอสเทลจะขยับตัวโจมตีนั้น เธอก็เห้นลิลี่เริ่มร่ายวทมนต์บางอย่างแล้ว
จนถึงตอนนี้ ลิลี่ใช้เพียงแค่ลำแสงกับบอลแสงสองอย่างเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอเห้นบอลสีขาวเล้ก ๆ กำลังปรากฏขึ้นมาอยู่นอกบาเรียแสงของเธอ
เอสเทล : “มันกำลังทำอะไรบางอย่าง ทุกคนระวังด้วย !!”
บอลแสงนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น และในที่สุดมันก็ขยายตัวเป็นสองเท่าจากเดิม
ต่อให้พวกเธอยังมีแรงอยู่ เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะรับมือเจ้าสิ่งนั้นได้ แถมตอนนี้พวกเธอเองก็เริ่มจะหมดแรงแล้วด้วย
เอสเทล : “(ทำไมกัน ? พวกเราไม่ได้ปล่อยโอกาศให้มันร่ายเวทเลยนี่ ! แถมนั่นยังดูอันตรายมากด้วย !)”
ตอนที่เอสเทลจะเตรียมการโจมตีลิลี่นั้น ลิลี่ก็ยิงลูกบอลแสงเข้าใส่พวกเธอก่อนซะแล้ว
บอลแสงนั้นพุ่งเข้าหาเหล่าอัศวินราวกับหยาดฝนที่ถาโถมเข้าใส่พวกเธอจากทุกทิศทาง แม้ว่าการโจมตีนี้จะช้ากว่าการโจมตีครั้งก่อน ๆ ก็ตามที
เอสเทล : “(วพกมันช้ามาก ? หรือว่าจะมีความสามารถติดตาม ? งั้นก็สอยมันให้ร่วงด้วยเวทมนต์ไปก่อนซะ --)”
ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดแบบนั้น บอลแสงนั้นก็ระเบิดออกเป้นแสงสว่างบาดตา
เอสเทล : “อึก--”
ตาของพวกเธอได้มืดบอดชั่วขณะ
พวกเธอคิดว่าจะต้องถูกแรงระเบิดนั้นทำร้ายร่างแน่นอน แต่ทว่ากลับไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น
เอสเทล : “--เชี่ย หรือว่าเป็นแค่ตัวล่องั้นเรอะ !!”
พอเธอได้รับรู้ความจริงนั้น เอสเทลก็เริ่มร่ายเวททันที
เอสเทล : “جدار الضوء الأبيض لمنع انتشار المرض— [เกราะแสง-ลักซ์ดีเฟ้น] تتبع الانتعا―[รักษาขั้นต่ำ-เลสฮีล]”
เธอใช้งานเวทป้องกันและเวทรักษาอย่างต่อเนื่อง
พอทัศนะขจองเธอกลับมาแล้ว เบื้องหน้าก้มีเพียงแค่ท้องฟ้าสีครามกับม่านบาง ๆ ของบาเรียของเธอ
ไม่มีการโจมตีใด ๆ อยู่ตรงนั้น
เอสเทล : “ไม่จริง ยัยร่านนั้นหายไปไหนแล้วละ ?”
เธอมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห้นร่างของลิลี่แม้แต่น้อย
เอสเทล : “มีใครเห้นเธอบ้างมั้ย ?”
เธอถามไปยังเหล่าพวกพ้องของเธอ
เธอเกรงว่าจะมีการโจมตีจากมุมบอดของสายตาได้
แคมมี่ : “ไม่ ไม่เห้นศตรูเลย”
แคธี : “ฉันก็ไม่เห็นมัน”
มาตี้ : “ฉันเห็น ! ฉันเห็นเธอร่วงลงไปที่พื้นแล้ว !!”
เอสเทล : “เธอแน่ใจนะมาตี้ ?”
มาตี้ : “หน่วยของฉันอยู่ข้างล่างนี้เอง ฉันเห้นเธอร่วงลงมาเต็ม ๆ ตาเลย !”
เอสเทล : “เข้าใจละ พวกเราทุกคนให้ระวังการโจมตีจากข้างล่างด้วย เราไม่รู้ว่ายัยนั่นจะทำอะไรอีก”
ผลลัพฑ์คือลิลี่ได้รอดจากการถูกเหล่าอัศวินเพกาซัสเข้าปิดล้อมได้นั่นเอง และเธอยังได้กลับมาอยู่บนพื้นดินแทนอีกด้วย
และเมื่อศตรูหายไปจากสายตาของพวกเธอ เหล่าอัศวินเพกาซัสก็กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมของพวกเธออีกครั้ง
เอสเทล : “--เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
หลังจากรอถึงสามนาที พวกเธอที่คอยระวังอยู่ในท้องฟ้านั้น ก็พบว่าไม่มีแม้แต่ลำแสงโจมตีกลับขึ้นมาจากในป่าที่อยู่ข้างล่างนั้นสักนิดเดียว
ฟรัน : “หรือว่าพลังเวทของมันจะหมดเวลาแล้วหรือเปล่า ?”
ฟรันเข้ามาใกล้เอสเทลและสื่อสารโดยตรงกับเธอ
เอสเทล : “...ก็อาจเป็นไปได้ ยัยนั่นคงใช้การเสริมพลังเวทบางอย่าง บางทีคงเป็นผลจาก [พรปกป้องของเทพมาร] ก็ได้
ฟรัน : “ใช่ แถมพวกเราเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับพวกปีศาจที่ได้รับพรปกป้องจากเทพมารด้วย”
เอสเทล : “งั้นมันก็หนีไปแล้ว ?”
ในสถานการร์แบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดในทางเดียวกัน
ฟรัน : “งั้น ถ้ามันหนีไปแล้ว จะทำยังไงต่อ ? ตามล่ามั้ย ?”
เอสเทล : “ไม่ พวกเราจะกลับเข้าสู่ภารกิจเดิม พวกเราจะโจมตีแนวป้องกันของศตรูตามเดิม”
ถึงแม้ว่านี่จะเป้นโอกาศที่จะฆ่าลิลี่ได้ เพราะเธอไม่มีพลังเวทมนต์คุ้มครองแล้วก็ตาม
แม้กระทั้งเอสเทลที่อย่างจะฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างลิลี่ยิ่งกว่าใคร ๆ แต่มันช่วยไม่ได้เพราะเธอได้หนีไปในป่าลึกนั้นแล้ว
อัศวินเพกาซัสไม่อาจตามล่าเธอภายในป่าแบบนั้นได้ เพราะพวกเธอมีหลักภารกิจอยู่นั่นเอง
ดังนั้นพวกเธอจึงตัดสินใจที่จะกลับไปทำภารกิจหลักกันต่ออีกครั้งหนึ่ง
เอสเทล : “รีบกลับไปสู่สนามรบภายในสามสิบนาทีซะ ถ้าพวกเราไปช้ากว่านี้ละก็ พวกทหารเหล่านั้นต้องถูกเล่นงานหมดแน่ !”
“””รับทราบค่ะ”””
หลังจากได้รับคำสั่ง อัศวินเพกาซัสก็เริ่มล่าถอยออกไป
และในตอนที่พวกเธอเคลื่อนไหวตอนนั้นเอง ก็เกิดเหตุการณืบางอย่างขึ้นภายในป่าที่หนาทึบนั้น
ต้นไม้เริ่มค่อย ๆ ทยอยแห้งเหี่ยวตายลงไป
มันเป้นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี แม้แต่กับคนที่ใช้เวทมนต์ไม่ได้ก็ยังรู้จักสิ่งนั้น
เอสเทล : “นั่นมัน ...ดูดพลังชีวิต・ไลฟ์เดรน ?”
[ไลฟ์เดรน] เป็นเวทมนต์ต้องห้ามของสาธารณะรัฐ
มันคือเวทพื้นฐานที่ใช้เพื่อดูดพลังชีวิตของเป้าหมายด้วยพลังเวทมนต์ แต่ผลลัพฑ์ของมันนั้นกลับมหาศาลยิ่งนัก
ถ้าหากใช้อย่างไม่ระวังละก็ มันจะสามารถเปลี่ยนดินแดนแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่รกร้างได้ในพริบตา ซึ่งในทวีปอารืคนั้นก็เคยมีพื้นที่หนึ่งถูกพลังนี้ทำให้กลายสภาพเป็นแบบนั้นมาแล้ว
มันมีผลกับชีวิตทุกชีวิตที่อยู่โดยรอบ แถมยังอันตรายต่อพวกเดียวกันอีกต่างหาก อีกทั้งตัวผู้ใช้เวท [ไลฟ์เดรน] จะได้รับแรงกดดันจากการพรากชีวิตของคนไปจนอาจกลายเป็นคนบ้าได้ได้อีกด้วย
ดังนั้นมันจึงเป็นเวทต้องห้าม แต่สำหรับในทวีปแพนโดร่าแล้วนั้น มันเป็นดินแดนที่ปกครองโดยพวกปีศาจ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่กฏข้อห้ามของมนุษย์จะไม่มีผลใช้ที่นี่กัน
ต่อให้เป็นข้อห้ามสำหรับมนุษย์ แต่กับพวกปีศาจแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องไปห้ามใช้มัน
เอสเทล : “ทุกหน่วยเตรียมรับมือ ! เจ้าสิ่งนั้นกำลังมาแล้ว !!”
ด้วยความตึงเครียดที่ได้แพร่กระจายไปยังเหล่าอัศวินเพกาซัสอีกครั้ง พวกเธอก็ได้รู้แล้วว่า ลิลี่นั้น ยังไม่ยอมปล่อยให้พวกเธอจากไปง่าย ๆ เช่นนี้