NEKOPOST |
การแสดงผล |
บทแรก เช้าฤดูหนาว ครอบครัว และเราสอง
'กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว' ก็นะ...จะเล่านิทานทั้งที ต้องเริ่มต้นด้วยคำคำนี้นี่แหละ... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เป็นอีกวันหนึ่งในฤดูหนาวที่หาได้ไม่บ่อยนักในฤดูหนาว ที่ท้องฟ้ายามเช้าเป็นสีฟ้าที่สดใส
ณ บ้านบนเนินเขาหญ้าเขียวขจี ที่ตั้งปลีกห่างความวุ่นวายจากหมู่บ้านที่กำลังมีตลาดเช้าครึ้กครื้น
และภายในห้องใต้หลังคาอันหนาวเหน็บของบ้านหลังนั้นเอง...
“โยรินดา! โยรินเกล!”
เด็กสาวร่างเล็กผมยาวสลวยค่อยๆลุกขึ้นมาจากฟูกเก่าๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากใครสักคน ที่ไหนสักแห่ง
“โยรินดา! โยรินเกล! พ่อทำมื้อเช้าเสร็จแล้วลูก”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เด็กสาวก็รีบมองออกไปข้างนอกหน้าต่างพังๆบานนึงในห้องโดยพลัน
ทั้งท้องฟ้า แสงแดด เสียงนกน้อยร้องเพลง และเสียงตลาดที่แว่วมาจากหมู่บ้าน สิ่งเหล่านั้นทำให้เด็กสาวเริ่มเหงื่อตกและมีท่าทีกังวล
“อะไรกัน? นี่เช้าแล้วหรือ!?” เด็กสาวพูดกับตัวเองเบาๆ
เสียงของฝีเท้าที่ก้าวขึ้นบันไดไม้ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
และทันใดนั้นเอง…!!
ก๊อกๆๆ
“!!!!?”
เด็กสาวสะดุ้งโหยง ก่อนที่จะหันไปปลุกอีกคนที่กำลังหลับเป็นตายอยู่
“โยรินเกล! โยรินเกล! นี่เช้าแล้วนะ ตื่นเร็วเข้า” เด็กสาวบอกกับคนเบื้องหน้าอย่างร้อนรน เธอเขย่าตัวของเด็กหนุ่มไปมา แต่เขากลับดึงผ้าห่มและขดตัว ทำท่าจะนอนต่อไปโดยที่ไม่สนใจอะไรรอบข้าง
“อะไรเล่า พี่โยรินดา…” เด็กชายตาปรือ พูดบ่นโยริดา พี่สาวของตัวเองเบาๆด้วยเสียงสะลึมสะลือ
“นี่เช้าแล้วนะ!” โยริดากระซิบที่ข้างหูของน้องชายที่ขดตัวไปกับผ้าห่ม
“แม่เองก็อยู่หน้าห้องแล้วด้วย!”
แล้วทันใดนั้นตาของโยรินเกลก็ตาเบิกโพลง ร่างของเด็กชายที่ท่อนบนเปลือยเปล่าก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที จนทำให้โยรินดาตกใจและเด้งถอยหลังไปตามๆกัน
“แล้วทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรกเล่า!!?” โยรินเกลโวยวาย
“โยรินเกลตื่นแล้วหรอลูก? พี่เขาตื่นหรือยัง?”
“!!?” ทั้งสองพี่น้องหันขวับไปที่ต้นเสียงของแม่มาจากหน้าประตูบานเก่าที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสอง
เด็กชายทำหน้าแตกตื่น เหงื่อแตกพลั่ก หันหน้าไปส่งสายตาให้ผู้เป็นพี่เป็นนัยๆว่า ‘จะทำอย่างไรดี?’
โยรินดานิ่งไปสักครู่...และทันใดนั้น ด้วยความชาญฉลาดของผู้เป็นพี่สาวของโยรินดา เธอคิดแผนการอะไรบางอย่างออก เธอกระแอ่มในลำคอหนึ่งที ก่อนที่จะตอบกลับแม่ของตน
“พี่ข้าตื่นแล้ว ขอเวลาให้พวกข้าเก็บที่นอนสักประเดี๋ยว แล้วพวกข้าจะลงไปข้างล่างทันที” โยรินดาเลียนเสียงหลอกว่าตนเป็นโยรินเกลที่ตื่นนอนแล้ว
“อย่าช้านะ” เสียงฝีเท้าของแม่จากอีกฟากของประตูดังไกลออกไป ไกลออกไปจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว เธอน่าจะลงไปถึงชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ...” ทั้งคู่ถอนหายใจพร้อมกัน
“ข-ขอบคุณฮะพี่ พี่ฉลาดที่สุดเลย!” เด็กชายยิ้มให้เด็กสาวอย่างร่าเริง
“อย่ามัวแต่ดีใจไป รีบไปแต่งตัวเลย! เร็วเข้า!”
แล้วสองพี่น้อง โยรินดาและโยรินเกล ต่างก็วิ่งหาเสื้อผ้า เก็บที่นอน กันอย่างอลหม่าน...
กลิ่นของเนย นม เนื้อสุก และไข่ หอมกรุ่นอบอวลไปทั่ว ท่ามกลางโต๊ะกินข้าวในห้องครัว ที่มีอาหารเช้าถูกจัดเตรียมเรียงรายตามจำนวนสมาชิกในบ้านแต่ละคน มีโยรินดา(พี่สาว) โยรินเกล(น้องชาย) และคุณแม่หน้าโทรมๆของเด็กทั้งสอง ส่วนพ่อเลี้ยงนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับแม่ และเก้าอี้สองตัวถัดมาจากเขาเองก็มีลูกสาวสองคน ทั้งสองคนนั้นอายุมากกว่าโยรินดาและโยรินเกล เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยง
“โยรินเกล...ลูกรัก.... ทำไมวันนี้เจ้าถึงได้ตื่นสายนัก” พ่อเลี้ยงหันไปถามเด็กหนุ่มที่มีเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหาร ด้วยท่าทีที่จะตำหนิติเตียน พี่สาวทั้งสองเริ่มแอบหัวเราะคิกคัก
“…” โยรินเกลลดช้อนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากในมือลง ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“โยรินเกลนอนไม่หลับ ข้าเลยเล่นนิทานให้เข้าฟังจนเขาง่วง...”
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า โยรินดา” เสียงของพ่อเลี้ยงพูดสวนเด็กสาวทั้งๆที่เธอพูดไม่จบ
“…” โยรินดาก้มหน้าก้มตาตามโยรินเกล
“ที่รัก…”
พ่อเลี้ยงหันไปตามต้นของเสียง
“จ๋าจ้ะ?” เขาหันไปขานเสียงหวาน และยิ้มให้ผู้เป็นแม่
“โยรินดามายืมหนังสือภาพจากห้องเก็บหนังสือของข้าเป็นความจริง” เธอตอบ ทันทีที่พ่อเลี้ยงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้าให้คนรักของตัวเอง และลงมือทานอาหารเช้าของตนเองต่อ ในขณะเดียวกันพี่สาวทั้งสองจากที่หัวเราะ ก็ทำหน้าเบื่อหน่ายไปตามๆกัน
“นิทานเป็นสิ่งที่ดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก แต่ลูกๆยังเด็กเกินไปที่จะนอนดึกๆดื่นๆ เพราะมันก็จะย้อนกลับมาทำลายพัฒนาการทางสมองเช่นกัน” แม่หันมาตักเตือนกับโยรินดาและโยรินเกล
ถึงจะเป็นเช่นนั้น พี่น้องทั้งสองกลับมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน และพวกเขาก็ทานมื้อเช้ากันต่ออย่างเอร็ดอร่อย
ย้อนความกลับไปเมื่ออดีต มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง
ใช่แล้ว พ่อและแม่แท้ๆของโยรินดาและโยรินเกลนั่นเอง ทั้งสองคนนั้นมีความสุขมากล้น แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่ไม่มี พวกเขาต้องการที่จะมีลูก เพื่อเป็นการเติมเต็มสมาชิกครอบครัวให้แก่บ้านหลังนี้ให้สมบูรณ์ ภรรยาจึงไปสวดอ้อนวอนขอลูกสาวจากต้นจูนิเปอร์ต้นน้อยในสวนหน้าบ้านของตน จนในที่สุด ภรรยาก็ได้ให้กำเนิดลูกสมดังคำปรารถนา เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิง และได้มีชื่อว่า 'โยรินดา'
ผ่านไปอีกไม่กี่ปี โยรินดาเติบโตขึ้น สามีก็ไปขอลูกจากต้นสนจูนิเปอร์หน้าบ้านอีกครั้ง ต่อมาภรรยาของตนให้กำเนิดลูกตามคำปรารถนาอีกครั้ง เด็กคนนั้นชื่อ 'โยรินเกล' แต่ในวันให้กำเนิดโยรินเกลนั้น ผู้เป็นสามีได้จากไปโดยไม่มีวันกลับมาตลอดกาล...
และแล้วปัญหาก็เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่นั้นเป็นคนที่ชอบร่ำเรียนยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ว่าต้องการอยากที่จะรู้เรื่องอะไร เธอคิดว่าการอ่านตำราเท่านั้นที่จะทำให้เธอเรียนรู้ทุกสิ่ง ตอนที่สามียังอยู่ เขาเป็นคนดูแล เลี้ยงดูและเล่นกับโยรินดาเสมอมา
แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว...ไม่มีตำราเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงดูเด็กทารกเช่นกัน...
เธอกลัวที่จะเลี้ยงลูกเสียคน ผู้เป็นแม่จึงเลือกที่จะหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินที่เก็บหนังสือโบราณทั้งวัน โดยไม่สนใจแม้ว่าโยรินเกลจะแผดเสียงร้องไห้ขนาดไหนก็ตาม ทำให้เด็กอย่างโยรินดา ต้องคอยดูแลน้องชายแทนแม่ของตนเองไปโดยปริยาย
เด็กสาวตัวเล็กๆจ้องมองทารกที่แผดเสียงร้องไห้อยู่ในเปลไม้กลางบ้าน เธอค่อยๆเอาฝ่ามือเล็กๆของตนเองบรรจงลูบที่หน้าผากของเด็กทารกอย่างอ่อนโยน
“ทำไมเจ้าช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน”
เด็กทารกที่อยู่ในเปลเริ่มหยุดร้องไห้ เขานิ่ง ตากลมโตนั่นจ้องมองไปที่ใบหน้าของโยรินดา
“แก้มสีขาวนี้...ปากสีแดงนี้...” โยรินดาใช้นิ้วโป้งลูบที่แก้มนิ่มของทารกไปมาอย่างอ่อนโยน
เด็กทารกใช้ฝ่ามือเล็กๆไปจับที่นิ้วของโยรินดา และหัวเราะด้วยรอยยิ้มที่สว่างไสว
“ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า...โยรินเกล”
“เจ้าเองก็จะไม่ทิ้งข้าไปเหมือนพ่อข้าใช่ไหม?”